วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

กล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท (Piriformis syndrome)


ขอแนะนำตัวกันนิดนึงนะคะ จขบ.เป็นนักศึกษากายภาพบำบัด ชั้นปีที่4ค่ะ
ได้ทำบล็อคบันเทิงมาเยอะแยะมากมาย วันนี้ขอทำบล็อคความรู้ซักนิดนึง

ด้วยความที่ช่วงนี้อยู่ในช่วงฝึกงาน ส่วนใหญ่จะเจอคนไข้กระดูกสันหลังทับเส้นประสาทมาเยอะมาก
แต่บังเอิญมีคนไข้อยู่คนนึง มีอาการของโรคคล้ายกระดูกสันหลังทับเส้น
แต่จุดกดเจ็บอยู่ที่สะโพกซะงั้น แถมยังปวดร้าวลงขาอีกต่างหาก...

ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ตัวเองรู้สึกว่าเคสนี้ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะคนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าเป็นอาการของโรคทางกระดูกสันหลัง เลยเอาอาการของโรคนี้มาแชร์ให้ฟัง พร้อมวิธีการออกกำลังกายด้วยตัวเองมาแปะไว้ให้ดูกันค่ะ

...................................................................................................................................................................

Piriformis syndrome คืออะไร??

            เป็นกลุ่มอาการที่เกิดจาก กล้ามเนื้อ Piriformis ที่อยู่ตรงบริเวณแก้มก้นของเรา ไปกดทับเส้นประสาทเส้นนึง ชื่อว่า Sciatic ซึ่งเจ้าตัวเส้นประสาทตัวนี้นี่ออกมาจากกระดูกสันหลังส่วนเอวของเรา แล้วทอดผ่าน กล้ามเนื้อ Piriformis ตรงก้น ออกไปสู่บริเวณต้นขาทางด้านหลัง ข้อพับ และน่อง ของเรา 



เห็นมั๊ยคะ เพราะว่าเส้นประสาทมันลอดอยู่ใต้กล้ามเนื้อ piriformis มันเลยทำให้มีโอกาสเสี่ยงสูงมากที่เส้นประสาทของเราจะถูกเจ้ากล้ามเนื้อแก้มก้นตัวนี้กดทับได้ แล้วก็เกิดอาการปวดสะโพกร้าวลงขาอย่างที่เป็นกันอยู่เนี่ย

สาเหตุของโรคนี้เกิดจากอะไร??

             สาเหตุที่โดยส่วนตัวพบมากที่สุดก็คือ --> การนั่งนาน นั่งบนเก้าอี้แข็งๆนานๆนี่ก็มีส่วนทำให้เป็นโรคนี้เหมือนกันนะคะ นอกเหนือจากนี้ก็มาจากสาเหตุกล้ามเนื้อ piriformis มีขนาดสั้น และมีความตึงตัวมากผิดปกติ, , ตั้งครรภ์,
ขาสั้นยาวต่างกัน, มีการอักเสบของกล้ามเนื้อ  piriformis, และมีการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อทำหน้าที่ถ่างต้นขา (abductor)

อาการของโรคนี้คือ??

          มีอาการปวดสะโพกบริเวณที่นั่งทับหรือบริเวณแก้มก้น มีอาการปวดร้าวตามขาข้างเดียวกับที่ปวดก้น(บางคนอาจมีอาการชา) อาจจะมีอาการเล็กน้อย จนถึงขั้นรุนแรง 

การรักษา??

             ในทางกายภาพบำบัดมักจะรักษาโรคนี้โดยใช้เครื่อง"อัลตราซาวน์"บริเวณกล้ามเนื้อ piriformis เพื่อลดปวดและลดความตึงตัวของกล้ามเนื้อนี้ค่ะ 
แต่ถ้าเราอยู่ที่บ้านก็อาจจะรักษาด้วยตัวเองเพื่อบรรเทาอาการไปก่อนได้ คือใช้การประคบร้อนที่บริเวณแก้มก้นค่ะ (อาจใช้กระเป๋าน้ำร้อนประคบก็ได้นะคะ) โดยในการประคบร้อนนั้น ควรใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีค่ะ สิ่งที่เราเอามาประคบควรจะมีอุณหภูมิที่อุ่น สบายนะคะ เช่น กระเป๋าน้ำร้อนที่เราเอามาประคบนั้น จะต้องใส่น้ำอุณหภูมิที่ไม่ร้อนจนเกินไป หรืออาจหาผ้ามาพันไว้ซักชั้นสองชั้นเพื่อลดความเสี่ยงทำให้ผิวหนังเราไหม้จากการที่กระเป๋าน้ำร้อน ร้อนเกินไปก็ได้ค่ะ

            นอกจากประคบร้อนชนแล้ว ก็ยังมีการออกกำลังกายยืดกล้ามเนื้อ piriformis เพื่อลงความตึงตัวของกล้ามเนื้อนี้

ท่าที่จะสอนให้ทำมีสองท่าให้เลือกทำนะคะ 

ท่าแรกค่ะ 



จากภาพนี้นะคะ ข้างที่มีอาการปวดก้นก็คือข้างซ้าย ให้ข้อเท้าซ้ายพาดไปที่บริเวรเข่าขวา 
ส่วนขาขวา (ข้างที่ไม่มีอาการปวด) ให้งอเข่า งอสะโพกขึ้น โดยที่มีขาซ้ายพาดอยู่ทางด้านบน งอไปจนรู้สึกว่าบริเวณก้นซ้ายมีอาการตึงๆ แต่ต้องไม่มีอาการปวด 
ถ้าหากว่าทำแล้วรู้สึกว่ามีอาการปวดก้นร้าวลงขา ให้ผ่อนการงอเข่าขวาลงมาเล็กน้อย ให้อยู่ในจุดที่ไม่รู้สึกปวด แต่รู้สึกตึงเท่านั้น 
จากนั้นให้ทำค้างไว้ในท่านี้ 10 วินาที ถือเป็น 1 set ให้ทำ 30 set/วัน (อาจแบ่งซอยย่อยๆเป็น เช้าทำ 10 set , กลางวันทำ 10 set และตอนเย็นทำอีก 10 set ก็ได้ค่ะ)

ถ้าใครคิดว่าท่านั้นอาจจะยากเกินไป มีอีกท่าให้เลือกทำค่ะ



            ท่านี้ก็นอนหงายทำเช่นเดียวกับท่าแรกนะคะ แต่ท่านี้เพียงแค่เอาขาข้างที่มีอาการปวด(ในภาพนี้ข้างที่มีอาการคือ ด้านขวา) พาดไปอีกด้านหนึ่ง ใช้มือด้านตรงข้ามกดไว้เพื่อทำให้ตึงบริเวณก้นเพิ่มขึ้น
จากนั้นให้ทำค้างไว้ในท่านี้ 10 วินาที ถือเป็น 1 set ให้ทำ 30 set/วัน (อาจแบ่งซอยย่อยๆเป็น เช้าทำ 10 set , กลางวันทำ 10 set และตอนเย็นทำอีก 10 set) เหมือนกันค่ะ

จากประสบการณ์ที่สอนคนไข้ทำท่ายืดกล้ามเนื้อนี้มา ส่วนใหญ่ชอบแบบที่สองมากกว่า เพราะทำง่าย และรู้สึกตึงมากกว่าท่าแรก 555 แต่ยังไงสองท่านี้ก็มีจุดประสงค์เพื่อยืดกล้ามเนื้อมัดเดียวกันค่ะ เลือกท่าไหนก็ได้ตามที่ตัวเองถนัด 

นอกจากยืดกล้ามเนื้อแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเราเองค่ะ นั่นคือไม่ควรนั่งนานจนเกินไป ไม่ควรนั่งบริเวณที่มีพื้นผิวที่แข็ง ไม่งั้นก็เสี่ยงที่จะเกิดอาการกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาทอีก

ถึงแม้ว่าจะมีวิธีการรักษาด้วยตัวเองแบบนี้ แต่ก็อย่าลืมไปพบแพทย์เพื่อยืนยันโรคและดูว่าอาการโรคของเรารุนแรงมากน้อยแค่ไหนนะคะ แล้วจะหาโอกาสมาแชร์โรคต่างๆที่ประสบพบเจอมาอีกในระหว่างฝึกงานตัวสุดท้ายนะคะ ตอนนี้จขบ.ขอลงไปยืดกล้ามเนื้อบ้างเหมือนกัน เพราะรูสึกว่าตัวเองจะนั่งอยู่หน้าจอคอมนานไปหน่อย ปวดก้นตะหงิดๆซะแล้วซิ TT